ประวัติความเป็นมาของบริษัท

2566
2565
2564
2563
2562
2561
2560
2559
2558
2557
2556
2555
2554
2552
2549
2548
2547
2544
2538
2537
2536
2535
2531

ปี 2566

  • บริษัทฯ เปิดตัว “แพลตฟอร์มโซลูชั่น Max Enterprise Connect” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเพื่อการบริหารต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ฟลีทรถ และบุคลากร สำหรับผู้ประกอบการ และองค์กรธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์ทุกขนาด ทั้งบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล เพื่อให้ธุรกิจทุกขนาดเข้าถึงเทคโนโลยีการบริหารจัดการที่ดี ลดการพึ่งพาซอฟต์แวร์ต่างชาติ ไม่มีค่าธรรมเนียม ไม่มีค่าใช้จ่าย ดังนั้นไม่เพียงแพลตฟอร์มถูกพัฒนาขึ้นเพื่อทดแทนเทคโนโลยีฟลีทการ์ดที่ใช้อยู่ปัจจุบัน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเก่า ไม่ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของธุรกิจโลจิสติกส์ ที่ในปัจจุบันมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น แต่ตัวแพลตฟอร์มยังได้นำจุดแข็งจากการมีจำนวนสถานีบริการน้ำมันมากกว่า 2,000 สาขา และจุดพักรถบรรทุก Max Camp มากกว่า 50 แห่ง มาช่วยให้ผู้ประกอบการทั่วประเทศไทยสามารถบริหารจัดการต้นทุนการขนส่งให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจโลจิสติกส์ทุกขนาด ใช้งานง่าย แก้ไขปัญหาตรงจุด ประมวลผลรวดเร็ว (Real-time) ลดภาระงานหรือขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อน โดยตัวแพลตฟอร์มได้ผ่านการค้นคว้าวิจัยมากกว่า 1 ปี มีการออกแบบ พัฒนา และทดสอบจริงกับรถส่งน้ำมันของบริษัทฯ เอง ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเป็นโซลูชั่นที่จะช่วยผู้ประกอบการลดต้นทุน ลดเวลาการทำงาน ตลอดจนเพิ่มความสามารถในการทำกำไรได้อย่างแท้จริง
  • บริษัท แมกซ์บิท ดิจิทัล แอสเซท จำกัด (“MAXBIT”) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล จากกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 จำนวน 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทนายหน้าซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี และประเภทนายหน้าซื้อขายโทเคนดิจิทัล และสำหรับขั้นตอนต่อไป สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (“ก.ล.ต.”) จะเข้ามาตรวจสอบความพร้อมก่อนเริ่มประกอบธุรกิจอย่างเป็นทางการ และคาดว่า MAXBIT จะเริ่มให้บริการได้ในไตรมาส 4/2566
  • บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด (“PUN”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ร่วมกันในการสนับสนุนการศึกษา ส่งเสริมงานวิจัย ตลอดจนพัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรมต่าง ๆ พร้อมสนับสนุนช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าทางการเกษตรของทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อีกทั้งร่วมผลักดันวัตถุดิบท้องถิ่นที่หาทานยาก มาสร้างประสบการณ์ให้ผู้บริโภคได้ลิ้มลอง โดยนำร่องด้วยแคมเปญ “โพดจุกใจ ไร่สุวรรณ” เปิดตัว 3 เมนูที่มาจากน้ำนมและเมล็ดข้าวโพดจากไร่สุวรรณ ต่อด้วยแคมเปญ "หรอยแรง มะม่วงเบา สงขลา" เครื่องดื่มเมนูใหม่จากมะม่วงเบา เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและยกระดับแบรนด์กาแฟพันธุ์ไทยให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังได้สนับสนุนชุมชนและเกษตรกรไทยอย่างต่อเนื่อง ตามพันธกิจของบริษัทฯ ในการร่วมสร้างโอกาสการเติบโตกับพันธมิตร และชุมชนในทุกที่ ทั้งด้านธุรกิจพลังงาน และขยายสู่การบริการรอบด้านอย่างครบวงจร เพื่อเติมเต็มความสุข และมาตรฐานคุณภาพชีวิตของทุกคน
  • บริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ได้เปิดตัวสินค้านวัตกรรมถังบรรจุก๊าซหุงต้มอลูมิเนียม “PT ALUMAX” ซึ่งถือเป็นเจ้าแรกที่คิดค้นและออกจำหน่ายถังบรรจุก๊าซหุงต้มอลูมิเนียมที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ด้วยหลักคิดการทำธุรกิจโดยเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้เกิดความแตกต่างในตลาด ตอบโจทย์ความต้องการ และไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดย PT ALUMAX เป็นนวัตกรรมความปลอดภัยที่เหนือกว่าถังก๊าซหุงต้มทั่วไป อาทิ ถังไร้รอยต่อ ไม่เป็นสนิม น้ำหนักเบา สามารถ Recycle ได้ และได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (“มอก.”) มุ่งตอบโจทย์ทุกการใช้งานก๊าซหุงต้ม โดยเริ่มวางจำหน่ายแล้ว ณ ร้านจำหน่ายก๊าซหุงต้มพีที กว่า 100 สาขาในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล

ปี 2565

  • บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการ “PT Max Park ศาลายา” สถานีบริการน้ำมันครบวงจรแห่งแรก ริมถนนบรมราชชนนี ฝั่งขาเข้า อำเภอศาลายา จังหวัดนครปฐม โดยภายในประกอบไปด้วยสถานีบริการน้ำมันที่ได้รับการออกแบบให้มีความทันสมัย พร้อมติดตั้งหัวจ่ายน้ำมันระบบดิจิทัล รวม 30 หัวจ่าย เพื่อให้สามารถรองรับปริมาณผู้มาใช้บริการสถานีบริการน้ำมันในช่วงเวลาเร่งรีบได้อย่างเพียงพอ นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการให้บริการของพนักงานต่อผู้มาใช้บริการเป็นอย่างมาก โดยบริษัทฯ จัดให้มีพนักงาน PT Service Master เข้ามาอำนวยความสะดวกในส่วนของการให้บริการจำหน่ายน้ำมัน โดย PT Service Master ทุกคนจะได้รับการฝึกอบรมเป็นพิเศษ จึงสามารถมั่นใจได้ว่า ผู้มาใช้บริการสถานีบริการน้ำมัน PT Max Park ศาลายา แห่งนี้ จะได้รับความพึงพอใจสูงสุดจากการให้บริการอีกขั้นที่เหนือกว่าโดยพนักงาน PT Service Master
    ภายในยังมี Community Mall ซึ่งประกอบไปด้วยร้านค้าในเครือของบริษัทฯ เอง เช่น ร้านกาแฟพันธุ์ไทย, ร้าน Coffee World, ร้านสะดวกซื้อ Max Mart, ร้านจำหน่ายยา เวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ Nexx Pharma ร้านจำหน่ายก๊าซหุงต้ม Max Gas และศูนย์ซ่อมบำรุงรถยนต์ขนาดเล็ก Autobacs และยังมีร้านค้าพันธมิตรอีกมากมาย เช่น McDonald’s และ Otteri Wash เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีสถานที่นั่งทำงาน Co-working Space สำหรับรองรับ Lifestyle ของคนรุ่นใหม่ และชุมชนโดยรอบอีกด้วย
    ที่ PT Max Park ศาลายา แห่งนี้ จะเป็นต้นแบบของสถานีบริการน้ำมันในอนาคตของบริษัทฯ โดยมีเป้าหมายที่จะขยายสถานีบริการน้ำมันครบวงจรในลักษณะนี้ตามถนนสายหลักของประเทศไทยในอนาคต
  • บริษัทฯ เปิดตัวร้านกาแฟพันธุ์ไทยนอกสถานีบริการน้ำมันบริเวณย่านใจกลางเมือง ยกตัวอย่างเช่น สีลม และช่องนนทรี เพื่อขยายการบริการให้ทั่วถึงกับกลุ่มคนเมืองมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเพื่อรองรับ Lifestyle ของสังคมในยุคปัจจุบัน ที่ร้านกาแฟเป็นสถานที่สำหรับทำงาน สำหรับนัดพบ และสำหรับผ่อนคลายอีกด้วย ทั้งนี้ การขยายสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทยบริเวณย่านใจกลางเมืองยังช่วยให้ลูกค้าเดิมสามารถซื้ออาหารและเครื่องดื่มผ่านบริการ Delivery ได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้ง ยังเพิ่มการรับรู้ในแบรนด์กับลูกค้าใหม่ผ่านระบบแอพพลิเคชั่นของผู้ให้บริการธุรกิจ Delivery เช่น Grab Food, Line Man, Shopee Food และ Robinhood เป็นต้น
  • บริษัทฯ ได้ปรับโฉม “คอฟฟี่ เวิลด์” ใหม่ เพื่อมุ่งสู่การเป็น Specialty Coffee มากยิ่งขึ้น โดยเป็นการรวมกาแฟที่หายากจากแหล่งเพาะปลูกเมล็ดกาแฟชื่อดังจากทั่วโลกมาไว้ที่เดียว โดยมีบาริสต้าที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกาแฟและความเชี่ยวชาญในการรังสรรค์เครื่องดื่มเพื่อให้คอกาแฟได้ดื่มด่ำไปกับรสชาติความกลมกล่อมและหอมกรุ่นของกาแฟแต่ละสายพันธุ์ นอกจากนี้ยังได้รีแบรนด์โลโก้ใหม่เพื่อยกระดับภาพลักษณ์ที่ทันสมัย มีความอบอุ่นและเป็นกันเอง พร้อมกันนี้คอฟฟี่ เวิลด์ ยังพร้อมส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพบาริสต้าไทยให้ก้าวสู่ระดับสากล และร่วมขับเคลื่อนธุรกิจกาแฟของไทยให้เติบโตแข็งแรงต่อไป
  • บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในการติดตั้งสถานีอัดประจุรถยนต์ไฟฟ้าภายในสถานีบริการน้ำมันนามว่า Elex by EGAT Max เมื่อไตรมาส 1/2564 ที่ผ่านมา ณ สิ้นปี 2565 Elex by EGAT Max ได้ติดตั้งไปแล้ว 35 สถานี ครอบคลุมเส้นทางหลักทั่วประเทศไทย เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความ “อยู่ดี มีสุข” ให้กับทุกช่วงชีวิตของลูกค้าได้อย่างยั่งยืน
    อีกทั้ง บริษัทฯ ได้เปิดตัวสถานีอัดประจุรถยนต์ไฟฟ้า Elex by EGAT Max ที่ PT Max Park ศาลายา ในเดือนกรกฎาคม ปี 2565 โดยสถานีดังกล่าวเป็นสถานีอัดประจุรถยนต์ไฟฟ้าที่ติดตั้งเครื่องอัดประจุรถยนต์ไฟฟ้าแบบชาร์จเร็ว (DC Fast Charge) ขนาด 125 kW จำนวน 4 ช่องจอด เพื่ออำนวยความสะดวกกับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า โดยสถานีอัดประจุรถยนต์ไฟฟ้าแห่งนี้ได้ถูกออกแบบภายใต้ แนวคิด “Rest Eat Play” เพื่อให้เป็นสถานีรูปแบบใหม่ ที่มีความเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน และเน้นความเป็น Clean Energy เพื่อสะท้อนธรรมชาติของผู้ใช้ EV ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
  • บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ได้เปิดตัว “แอปพลิเคชัน Max Me” ซึ่งเป็น e-Wallet ที่จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์ลูกค้าสมาชิกบัตร PT Max Card ที่มีอยู่ในปัจจุบันกว่า 19 ล้านสมาชิก ให้สามารถทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือในยุคดิจิตอลไลฟ์สไตล์ สอดคล้องกับยุคสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ได้อย่างง่ายดาย โดยบริษัทฯ ได้วางแผนการเติบโตของแอปพลิเคชัน Max Me ไว้ 3 ประการด้วยกัน ประการแรก เพิ่มฐานสมาชิกของแอปพลิเคชัน Max Me โดยการแปลงสมาชิกบัตร PT Max Card จำนวนกว่า 19 ล้านสมาชิก ให้มารับชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสดภายในระบบนิเวศของบริษัทฯ อาทิ สถานีบริการน้ำมัน, ร้านกาแฟพันธุ์ไทย, ร้านสะดวกซื้อ Max Mart และ Coffee World เป็นต้น ประการที่สอง เสริมสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจให้แข็งแรง โดยการร่วมเป็นพันธมิตรกับผู้ค้ารายต่าง ๆ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถมอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าของบริษัทฯ ได้อย่างครอบคลุม และประการสุดท้าย ปรับปรุงขั้นตอนการแลกคะแนน Max point ให้ง่ายดายขึ้น เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้ชีวิตภายใต้ระบบนิเวศของบริษัทฯ ได้อย่าง “อยู่ดี มีสุข”
  • บริษัทฯ ฉลองวันครบรอบปีที่ 10 ของการเปิดร้านกาแฟพันธุ์ไทย เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการครบรอบ บริษัทฯ ชูแคมเปญ “เวลาเป็นไท” เผยโฆษณาเกี่ยวกับชีวิตการทำงานของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่หนัก เคร่งเครียด จนทำให้ไม่มีเวลาพักผ่อน เพื่อบอกจุดยืนว่าบริษัทฯ เข้าใจและจะขอยืนหยัดเคียงข้างกลุ่มคนเหล่านี้ พร้อมสนับสนุนให้ทุกคนในทุกสายอาชีพมีเวลาพักผ่อนเป็นของตนเอง
    นอกจากนี้ ในโอกาสครบรอบ 10 ปี บริษัทฯ ยังได้เผยแผนการเติบโตของร้านกาแฟพันธุ์ไทยผ่านกลยุทธ์ 4 ด้าน ดังนี้ 1) มุ่งขยายสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทยในรูปแบบของ “แฟรนไชส์” ทั้งภายในและนอกสถานีบริการน้ำมัน 2) รังสรรค์เครื่องดื่มใหม่ ๆ โดยใช้วัตถุดิบที่มีรสชาติดี และหาทานได้ยากจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย 3) เน้น Delivery Platform ให้มากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มการรับรู้ (Awareness) การมองเห็น (Visibility) และการเข้าถึงแบรนด์ของลูกค้า (Accessibility) และ 4) นำข้อมูลลูกค้าจากบัตรสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus มาเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์พฤติกรรมการบริโภคของลูกค้า เพื่อเพิ่มยอดขายและความถี่ของการเข้าใช้บริการร้านกาแฟพันธุ์ไทย
  • บริษัทฯ ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Chulalongkorn Business School หรือ CBS) ในการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาการศึกษาของเด็กไทย ผ่านโปรเจกต์ "CBS Lounge by PTG" โดยบริษัทฯ ได้เปิดร้านกาแฟ CBS Café by Punthai และร้านสะดวกซื้อ CBS Mart by Max Mart ให้นิสิตสามารถเข้ามาเรียนรู้การสร้างธุรกิจตั้งแต่ขั้นตอนเบื้องต้น ไปจนถึงการเป็นนักธุรกิจในอนาคตตามคอนเซ็ปต์ "The Real Business in The School"
    สำหรับความร่วมมือในขั้นแรกของโครงการนี้ จะแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนแรก CBS Café ที่เป็นบริษัทร้านกาแฟเสมือนจริง สนับสนุนโดยร้านกาแฟพันธุ์ไทย ส่วนที่สอง CBS Mart ที่เป็นบริษัทร้านสะดวกซื้อเสมือนจริง สนับสนุนโดยร้าน Max Mart ทั้งนี้ ที่ CBS Lounge แห่งนี้ ไม่เพียงแต่นิสิตจะได้เรียนรู้ทักษะเกี่ยวกับการชงกาแฟและการขายของในร้านสะดวกซื้อ แต่นิสิตจะยังได้ฝึกทักษะเกี่ยวกับการบริหารบริษัทในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารด้านธุรกิจออนไลน์ ผู้บริหารฝ่ายการตลาด หรือเป็นพนักงานบัญชี และสุดท้ายในส่วนของ CBS Co-Working Space ได้จัดให้เป็นพื้นที่สำหรับต้อนรับลูกค้า และเป็นพื้นที่สนับสนุนการเรียนรู้ใหม่ของนิสิต
  • บริษัท พลังงานพัฒนา 5 จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ร่วมลงนามสัญญาก่อสร้างและบริหารจัดการโครงการกำจัดขยะมูลฝอยเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจากชุมชน ณ เทศบาลเมืองบ้านพรุ จังหวัดสงขลา โดยโครงการนี้ มีมูลค่าการลงทุนไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาท และได้รับใบอนุญาตโครงการฯ เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเห็นชอบโครงการเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2559 ในการรับซื้อไฟฟ้า 4.5 เมกะวัตต์ ซึ่งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะเป็นผู้รับซื้อต่อไป ความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยลดปริมาณขยะสะสม ลดผลกระทบจากกลิ่นและน้ำเสีย อีกทั้ง ยังเป็นการนำของเสียมาก่อให้เกิดประโยชน์ และช่วยส่งเสริมสุขอนามัย สิ่งแวดล้อม และความเป็นอยู่ของคนในชุมชนในละแวกดังกล่าวให้ดีขึ้น ตามวิสัยทัศน์การดำเนินงานของบริษัทฯ ที่หวังให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มมีชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข” ในทุกด้านของช่วงชีวิต

ปี 2564

  • บริษัทฯ ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดตัวสถานีอัดประจุรถยนต์ไฟฟ้า EleX by EGAT Max ภายในสถานีบริการน้ำมันอย่างเป็นทางการ ด้วยความร่วมมือระหว่างสองผู้นำในธุรกิจพลังงานชั้นนำของไทยอย่างบริษัทฯ และ กฟผ. ในการติดตั้งสถานีอัดประจุรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ หรือ EV Charging Station ภายในสถานีบริการน้ำมัน โดย ณ สิ้นปี 2564 ได้เปิดให้บริการแล้วในสถานีบริการน้ำมันจำนวน 5 สาขา และมีแผนที่จะขยายสถานีอัดประจุรถยนต์ไฟฟ้า ตามถนนสายหลัก และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ให้ครอบคลุมกว่า 13 จังหวัดทั่วประเทศ โดยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Elexa by EGAT ได้ทั้งในระบบ IOS และ Android เพื่อค้นหาตำแหน่งที่ตั้งสถานี ชำระค่าบริการ ตรวจสอบสถานะของสถานีอัดประจุรถยนต์ไฟฟ้า และรับสิทธิพิเศษจาก Loyalty Program ต่าง ๆ โดยโครงการนี้ต้องการมอบความมั่นใจ และความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั้งในเมืองและนอกเมือง และต้องการตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าทีมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความ “อยู่ดี มีสุข” ให้กับทุกช่วงชีวิตของลูกค้า

ปี 2563

  • บริษัทฯ เปิดตัวบริการ “สดใหม่ ดิลิเวอรี่” หรือ “Max Service” บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ภายในรัศมีไม่เกิน 10 กิโลเมตร จากสถานีบริการน้ำมันของบริษัทฯ ที่ใกล้ที่สุด โดยให้บริการส่งน้ำมันฉุกเฉินในพื้นที่เขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และต่างจังหวัด สามารถจัดส่งน้ำมันให้ลูกค้าได้ครั้งละ 4 ลิตร โดยมีค่าบริการจัดส่งครั้งละ 100 บาท หรือครั้งละ 100 คะแนน สำหรับสมาชิกบัตร PT Max Card นอกจากนี้ ยังบริการช่วยเหลือฉุกเฉินทั่วไปบนท้องถนน 24 ชั่วโมง โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง ซึ่งได้แก่ บริการยก-ลากรถฉุกเฉิน บริการช่วยเหลือฉุกเฉินด้านแบตเตอรี่ บริการซ่อมรถ (กรณีที่สามารถซ่อมได้ทันที) บริการช่วยเหลือเกี่ยวกับกุญแจหรือยางรถยนต์ บริการช่วยเหลือกรณีเกิดอุบัติเหตุ และบริการประสานงานจัดการนำรถเข้าศูนย์ซ่อมรถยนต์ เป็นต้น โดยจะคิดอัตราค่าบริการตามจริง โดยลูกค้าสามารถติดต่อรับบริการได้ที่เบอร์ 1614 กด 2 ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงพัฒนาการให้บริการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์การให้บริการลูกค้าได้ตรงความต้องการและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น
  • บริษัทฯ ได้เริ่มดำเนินธุรกิจการจำหน่ายก๊าซ LPG สำหรับครัวเรือน เพื่อขยายขอบเขตการให้บริการก๊าซ LPG อย่างครบวงจรมากยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะเข้ามาตอบสนองการให้บริการก๊าซ LPG ครัวเรือนให้ตรงความต้องการของลูกค้า และช่วยแก้ปัญหาที่ผู้ใช้บริการที่เคยประสบจากการใช้บริการที่ผ่านมา ซึ่งในปีนี้ บริษัทฯ ได้เริ่มขยายสาขาการให้บริการจำหน่ายก๊าซ LPG สำหรับครัวเรือนในสถานีบริการของบริษัทฯ ทั้งในเขตกรุงเทพและปริมณฑล รวมถึงมีแผนขยายการให้บริการไปยังภูมิภาคอื่นทั่วประเทศ ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงไม่หยุดคัดสรรการให้บริการที่จะเชื่อมต่อการใช้ชีวิตของลูกค้าได้อย่างครบวงจรต่อไป

ปี 2562

  • บริษัทได้รับรางวัลในงาน SET Awards 2562 จำนวน 2 รางวัล
    ได้แก่ รางวัลนักลงทุนสัมพันธ์ดีเด่น (Outstanding Investor Relations Awards) มอบให้แก่บริษัทจดทะเบียนที่มีความโดดเด่นด้านการดำเนินกิจกรรมนักลงทุนสัมพันธ์ และได้รับคัดเลือกอยู่ในรายชื่อ “หุ้นยั่งยืน” หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 มอบให้แก่บริษัทจดทะเบียนที่มีการดำเนินงานเป็นไปตามเกณฑ์การประเมินด้านความยั่งยืนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (Environmental, Social and Governance: ESG) สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
  • บริษัทได้รับรางวัลถึง 3 รางวัล จากงาน ASEAN Business Awards (ABA) 2019 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน ASEAN Business & Investment Summit (ABIS) 2019
    จัดโดยสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน (ASEAN Business Advisory Council: ASEAN-BAC) ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย โดยรางวัลทั้งที่บริษัทได้รับ ได้แก่
    1. รางวัลประเภทธุรกิจพลังงานขนาดใหญ่ระดับอาเซียน หรือ The Winner Under the Category of 17 Priority Integration Sectors: Energy (Large-Tier)
    2. รางวัลสำหรับธุรกิจที่มีความโดดเด่นในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ หรือ The Country Winner, Skills Development (Large-Tier)
    3. รางวัลสำหรับธุรกิจที่มีความโดดเด่นเพื่อสังคมอย่างยั่งยืน หรือ The Country Winner, Sustainable Social Enterprise (Large-Tier)
  • บริษัทได้รับรางวัล Kaizen Awards จากงานประกาศรางวัล Thailand Kaizen Awards 2019 ในวันที่ 30 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา 2 รางวัล ได้แก่ “Golden Award” จากทีม “Intension 3D” ซึ่งเป็นทีมจากฝ่ายปฏิบัติการคลังน้ำมัน ฝ่ายจัดซื้อ และฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทค ด้วยผลงาน “เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหาร Stock น้ำมันเครื่องที่คลังและสถานีบริการ” ซึ่งเข้าประกวดในประเภท Service Kaizen และ “Silver Award” จากทีม “Lift Gear Team” ทีมจากฝ่ายโลจิสติกส์ ด้วยผลงาน “ลดความเสี่ยงที่เกิดจากการยกเกียร์รถบรรทุก” ซึ่งประกวดในประเภท Genba Kaizen โดยผลงานที่ได้รับรางวัลเหล่านี้จะถูกนำมาพัฒนาการบริหารงานของบริษัทให้มีประสิทธิภาพยิ่งๆ ขึ้นไป
  • บริษัทได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท ให้เปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด ในบริษัท จิตรมาส แคเทอริ่ง จำกัด จากจำนวน 314,999 หุ้น หรือร้อยละ 69.99 เป็นจำนวน 449,999 หุ้น หรือร้อยละ 99.99 เพื่อให้สามารถกำหนดทิศทางการดำเนินงานได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น
  • บริษัทเปิดตัวบัตร PT Max Card รูปแบบใหม่ที่สามารถมอบสิทธิประโยชน์ และตอบสนอง Lifestyle ให้กับลูกค้าได้รอบด้านมากยิ่งขึ้น โดยนอกจากจะสามารถสะสมคะแนนจากการใช้บริการภายใต้ธุรกิจในเครือบริษัทแล้ว ลูกค้ายังสามารถสะสมคะแนน แลกรับส่วนลดและของรางวัลกับบริษัทในเครือพันธมิตรกว่า 100 แบรนด์สินค้า และสามารถโอนคะแนนระหว่างกันกับบัตรสมาชิกอื่นได้อีกด้วย โดยบริษัทมีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ครบถ้วน ไม่เพียงแต่ให้บริการภายใต้ธุรกิจในเครือบริษัทเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ PT ในวงกว้างมากยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสมาชิกบัตร PT Max Card จาก 12.6 ล้านสมาชิกในปี 2562 เป็น 20 ล้านสมาชิกในปี 2565
  • บริษัทเปิดให้บริการจำหน่ายน้ำมันดีเซล B20 ในสถานีบริการน้ำมัน PT สาขาเขาย้อย 2 อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี เป็นสาขาแรก เพื่อส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลที่มีส่วนผสมของไบโอดีเซลให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าบริการขนส่ง และค่าโดยสารสาธารณะ สนองนโยบายภาครัฐที่ต้องการสนับสนุนเกษตรกรซึ่งประสบปัญหาราคาปาล์มตกต่ำเนื่องจากผลผลิตปาล์มที่ล้นตลาด จากจุดแข็งของบริษัทที่มีสถานีบริการที่ครอบคลุม และฐานลูกค้าบัตรสมาชิกที่เป็นรถขนส่งเชิงพาณิชย์ ทำให้บริษัทสามารถขยายการให้บริการน้ำมันดีเซล B20 ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อเพิ่มทางเลือก และการให้บริการแก่ลูกค้าให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ณ ปัจจุบัน B20 ที่เปิดให้บริการมีทั้งหมด 807 สาขา
  • บริษัทเปิดตัว “บริการกรุงศรีอยู่นี่นะ” รับฝากและถอนเงินบัญชีธนาคารกรุงศรีในร้านสะดวกซื้อ Max Mart โดยลูกค้าสามารถทำธุรกรรมฝากเงินได้ง่ายๆ เพียงมีเลขบัญชีธนาคารกรุงศรีและบัตรประชาชน นอกจากนี้ ยังสามารถถอนเงินจากบัตรกรุงศรี เดบิต/เอทีเอ็ม รวมถึงบัตรเครดิตในเครือกรุงศรี เหมือนทำธุรกรรมผ่าน ATM เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าในสถานีบริการน้ำมัน PT ที่ร่วมโครงการ ตั้งแต่เวลา 08.00 – 22.00 น.
  • บริษัททำการออกและเสนอขายหุ้นกู้ จำนวน 1,400 ล้านบาท อายุ 3 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 3.63 เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนดมูลค่า 1,700 ล้านบาท

ปี 2561

  • บริษัทได้อนุมัติให้ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนใน บริษัท จิตรมาส แคเทอริ่ง จำกัด (“JTC”) จำนวน 315,000 หุ้น หรือในสัดส่วนร้อยละ 69.99 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดยบริษัท จิตรมาส แคเทอริ่ง จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งการผลิตอาหารสำเร็จรูปประเภท Chilled Food, Frozen Food และการให้บริการจัดแคเทอริ่งให้กับโรงแรมชั้นนำ เป็นต้น ซึ่งบริษัทเล็งเห็นถึงศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจในอนาคต และเพื่อสนันสนุนการเติบโตและพัฒนาของกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มภายใต้เครือข่ายของบริษัทให้มีคุณภาพและมาตรฐานเดียวกัน รวมถึงเพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคให้เกิดความพึงพอใจสูงสุด
  • บริษัทได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทให้บริษัทเข้าร่วมลงทุนกับ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (“BAFS”) และจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ คือ บริษัท บีพีทีจี จำกัด (“BPTG”) โดยมีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท PTG ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 59.99 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด เพื่อประกอบกิจการสถานีบริการน้ำมันบริเวณท่อขนส่งน้ำมันไปทางภาคเหนือของบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (“FPT”) เบื้องต้นวางแผนพัฒนาที่ดินใกล้คลังน้ำมันและแนวท่อน้ำมัน จำนวน 3 แห่ง คือ จังหวัดพิจิตร ลำปาง และ กำแพงเพชร
  • บริษัทได้รับรางวัล Kaizen Awards จากงานประกาศรางวัล Thailand Kaizen Awards 2018 ในวันที่ 31 สิงหาคม 2561 ที่ผ่าน 2 รางวัล ได้แก่ “Golden Award” จากทีม “Color Swap” ซึ่งเป็นทีมจากส่วนสถานีบริการ ด้วยผลงาน “ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพครีมวัดน้ำ” ซึ่งเข้าประกวดในประเภท Kaizen Innovation และ “Silver Award” จากทีม “Digital Man” ทีมจากฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศร่วมกับฝ่ายสถานีบริการ ด้วยผลงาน “ลดเวลาในการออกใบกำกับภาษี” ซึ่งประกวดในประเภท Kaizen for Office โดยผลงานที่ได้รับรางวัลเหล่านี้จะถูกนำมาพัฒนาการบริหารงานของบริษัทให้มีประสิทธิภาพยิ่งๆ ขึ้นไป
  • บริษัทได้รับรางวัลองค์กรนวัตกรรมยอดเยี่ยม ประจำปี 2561 จากการเป็นองค์กรที่มีการส่งเสริมนวัตกรรมยอดเยี่ยม จัดขึ้นโดยกรรมการนวัตกรรมแห่งชาติ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ เพื่อองค์กรที่เติบโตอย่างยั่งยืน โดยรางวัลนี้จะมอบให้แก่องค์กรที่เป็นผู้นำด้านนวัตกรรม มีกลยุทธ์ โครงสร้าง และแผนพัฒนาองค์กรทั้งในด้านทรัพยากรและบุคคลกรที่เป็นนวัตกรรม
  • บริษัทได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทให้เข้าร่วมทุนกับ นายวุฒิชัย ปรีพุทธรัตน์ เพื่อจัดตั้งบริษัท อินโนลิเจนท์ ออโตเมชั่น จำกัด (“INA”) ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 5.50 ล้านบาท โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 59.99 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ทั้งนี้ ไอเอ็นเอถูกจัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาอุปกรณ์ในการบริหารและจัดเก็บข้อมูลลูกค้าที่มาจากการให้บริการภายในสถานีบริการ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสถานีบริการได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนาการประมวลผลข้อมูลเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
  • บริษัทได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อ Thailand Sustainability Investment (THSI) หรือ หุ้นยั่งยืน จัดโดย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการบริหารจัดการความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่องในทุกๆมิติ ทั้ง สิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจ บริษัทเน้นการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการกำกับดูแลกิจการ ที่ดี การบริหารความเสี่ยง การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน การสร้างคุณค่าร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม และยังคงมุ่งพัฒนาและยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนอย่างมีประสิทธิภาพ
  • บริษัทได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทให้ บริษัท พีทีจี กรีน เอ็นเนอยี จำกัด (“PTGGE”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ บริษัท อินโนเทค กรีน เอ็นเนอยี จำกัด (“IGE”) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง PTGGE และ บริษัท เอี่ยมบูรพา จำกัด (“EBP”) ซึ่งได้มีการลงนามในสัญญาร่วมทุนเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2559 โดย PTGGE ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 60.00 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด เพื่อประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอลจากกากมันสำปะหลัง ซึ่งภายหลังการศึกษาเทคโนโลยีร่วมกันระหว่าง PTGGE และ EBP ทำให้ได้ข้อสรุปว่า เทคโนโลยีการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังยังไม่มีความเหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจเชิงพาณิชย์ในระยะเวลานี้ ประกอบกับเครื่องจักรที่นำมาใช้ดำเนินธุรกิจตามโครงการนี้อาจมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาในอนาคต ดังนั้นจึงให้ยกเลิกสัญญาร่วมทุนและสัญญาที่เกี่ยวข้องโครงการนี้กับ EBP และให้ PTGGE เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ IGE จาก EBP จำนวน 400,000 หุ้น รวมเป็นราคา 5.80 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทอยู่ในชั้นตอนของการศึกษาเทคโนโลยีเกี่ยวกับการผลิตเอทานอลที่มีความเหมาะสมกับการประกอบธุรกิจตามโครงการนี้และสามารถให้อัตราผลตอบแทนที่ดีกว่า

ปี 2560

  • บริษัทดำเนินการให้บริษัท อินโนเทค กรีน เอ็นเนอยี จำกัด (“IGE”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เข้าลงนามข้อตกลงการใช้เทคโนโลยีการผลิตเอทานอลจากกากมันสำปะหลังกับบริษัท ซัปโปโร โฮลดิ้ง จำกัด โดยเทคโนโลยีที่ใช้นี้จะช่วยย่อยแป้งที่เหลือในกากมันสำปะหลังให้สามารถนำมาผลิตเป็นน้ำตาล และเข้าสู่กระบวนการหมักให้เป็นเอทานอล ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าของเหลือใช้ให้สูงขึ้น และเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับมาตรฐานการผลิตเอทานอลของประเทศไทย เพื่อการใช้พลังงานทดแทนอย่างยั่งยืน
  • บริษัทได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทให้เข้าร่วมทุนกับบริษัท สามมิตรมอเตอร์สแมนูแฟคเจอริง จำกัด (มหาชน) เพื่อร่วมกันจัดตั้งบริษัท สามมิตร พีทีจี โปรทรัค โซลูชัน เซ็นเตอร์ จำกัด (“PRO TRUCK”) เพื่อประกอบกิจการศูนย์บริการ และซ่อมบำรุงครบวงจรสำหรับรถบรรทุก (Truck Service Center) โดยมีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท จำนวน 1 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท บริษัทถือหุ้นเป็นจำนวน 400,000 หุ้น หรือร้อยละ 40.00 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ปัจจุบัน PRO TRUCK เป็นผู้ให้บริการแบบครบวงจรรายแรก และรายเดียวในประเทศไทย ทั้งนี้ PRO TRUCK มีแผนการขยายสาขาทั้งใน และนอกสถานีบริการพีที ไม่น้อยกว่า 100 สาขา ภายในปี 2565 นอกจากนี้ PRO TRUCK มีการเปิดตัวสาขาแรกที่สถานีบริการ PT อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2560
  • บริษัทได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทให้ บริษัท พีทีจี กรีน เอ็นเนอยี จำกัด (PTGGE) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เข้าร่วมลงทุนใน บริษัท พลังงานพัฒนา 5 จำกัด (“PP5”) ร่วมกับผู้ถือหุ้นอีก 3 ฝ่าย คือ นางสาวเล็ก แซ่เจา บริษัท พี แอนด์ ซี กรุ๊ป จำกัด (“P&C”) และบริษัท ศแบง ซัสเทนเอเบิล เอ็นเนอร์ยี จำกัด (“SBANG”) เพื่อประกอบธุรกิจบริหารจัดการขยะมูลฝอยเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า โดยมีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท จำนวน 3 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท บริษัทถือหุ้นเป็นจำนวน 1,530,000 หุ้น หรือร้อยละ 51.00 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
  • บริษัทได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทให้บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท จี เอฟ เอ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด (“GFA”) จำนวน 29,350 หุ้น ในราคาหุ้นละ 6,985 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 205 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 99.99 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดย GFA ดำเนินธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่มภายใต้เครื่องหมายทางการค้า Coffee World, Cream & Fudge, New York 5th Av. Deli, และ Thai Chef Express ทั้งนี้ การเข้าซื้อหุ้นสามัญดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มโอกาสและขีดความสามารถในการขยายธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่มในพื้นที่ที่มีศักยภาพนอกสถานีบริการ PT เช่น ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ คอมมูนิตี้มอลล์ สนามบิน ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลายให้กับลูกค้าปัจจุบัน และขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น
  • บริษัทได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทให้เข้าร่วมทุนกับบริษัท ออโต้แบคส์ เซเว่น จำกัด (“AUTOBACS”) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนใน Tokyo Stock Exchange ประเทศญี่ปุ่น เพื่อลงทุนในบริษัท สยาม ออโต้แบคส์ จำกัด (“SIAM AUTOBACS”) เพื่อประกอบกิจการศูนย์บริการและซ่อมบำรุงสำหรับรถยนต์ โดยมีทุนจดทะเบียน 169.90 ล้านบาท เป็นหุ้นสามัญจำนวน 15,989,998 หุ้น และหุ้นบุริมสิทธิ์ 1,000,002 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท บริษัทถือหุ้นเป็นจำนวน 6,500,000 หุ้น หรือร้อยละ 38.26 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดย AUTOBACS เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในการให้บริการด้านรถยนต์ที่มีมาตรฐานและครบวงจรจากประเทศญี่ปุ่น สามารถเติมเต็มการให้บริการที่มีคุณภาพระดับโลกให้แก่ลูกค้าผู้ใช้รถยนต์ในประเทศไทย
  • บริษัทได้อนุมัติให้บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด เข้าลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการกับวิทยาลัยนวัตกรรมและการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เพื่อร่วมกันพัฒนาหลักสูตร และพัฒนาทักษะของนักศึกษาด้านการบริการ และการบริหารจัดการร้านกาแฟ ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และรองรับกับเป้าหมายการขยายธุรกิจร้านกาแฟพันธุ์ไทยในอนาคต นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เข้าฝึกงาน และสามารถสร้างความก้าวหน้าในสายอาชีพของตนเองได้
  • บริษัททำการออกและเสนอขายหุ้นกู้ จำนวน 1,000 ล้านบาท อายุ 3 ปี และจำนวน 700 ล้านบาท อายุ 5 ปี เพื่อรองรับแผนการขยายธุรกิจตามเป้าหมาย และกลยุทธ์ของบริษัท
  • บริษัทเปิดตัว PT Max Reward Application ซึ่งสามารถใช้งานได้ใน Smartphone และ Tablet ทั้งในระบบปฏิบัติการ IOS และ Android โดยวัตถุประสงค์ของการเปิดตัว Application ดังกล่าว เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงข้อมูลการใช้บริการ สิทธิประโยชน์และข่าวสารต่างๆ อย่างรวดเร็วจากบริษัท ทั้งนี้ เพื่อให้บริษัทสามารถต้องสนองความต้องการของผู้ใช้บริการได้อย่างตรงจุดและทั่วถึงมากขึ้น
  • คุณพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัลผู้บริหารสูงสุดยอดเยี่ยม (Best CEO Awards) ประจำปี 2560 สำหรับผู้บริหารสูงสุดของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันที่ได้รับรางวัลนี้ แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ในการวางกลยุทธ์ ความมุ่งมั่น ทุ่มเทในการทำงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงศักยภาพในการบริหารองค์กรที่โดดเด่นและมีคุณภาพ ซึ่งทำให้บริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
  • บริษัทได้รับผลสำรวจจากการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนประจำปี 2560 จัดทำโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) โดยบริษัทได้คะแนนผลสำรวจการกำกับดูแลกิจการในระดับ “ดีเลิศ”
  • บริษัทเข้ารับโล่เกียรติคุณจากคณะกรรมการตัดสิน "โครงการประกาศเกียรติคุณจรรยาบรรณดีเด่น หอการค้าไทย ประจำปี 2560" (ไทยเท่ทำดี วิถียั่งยืน) ผู้ประกอบธุรกิจด้วยหลักบรรษัทภิบาล โดยยึดความโปร่งใส และความซื่อสัตย์สุจริต

ปี 2559

  • ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2559 อนุมัติให้ 1. บริษัท พีทีจีโลจิสติกส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ บริษัท อาม่า มารีน จำกัด (“AMA”) ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางทะเลโดยเรือบรรทุกสินค้าเหลว และให้บริการขนส่สินค้าเหลวทางบกโดย รถบรรทุกสินค้าเหลว จำนวน 518,000 หุ้น หรือร้อยละ 32.01 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด เป็นมูลค่าการลงทุน 621.60 ล้านบาท 2. อนุมัติการออกหุ้นกู้ ในวงเงินต้นหุ้นกู้ไม่เกิน 4,000 ล้านบาท หรือในสกุลอื่นในจำนวนที่เทียบเท่า เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ และขยายธุรกิจของบริษัท
  • บริษัททำการออกและเสนอขายหุ้นกู้ จำนวน 1,700 ล้านบาท อายุ 3 ปีเพื่อรองรบแผนการขยายธุรกิจตามเป้าหมาย และกลยุทธ์ของบริษัท
  • บริษัทได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทให้จัดตั้ง บริษัท เอ็มไพร์เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจให้บริการติดตั้ง ตรวจสอบ ซ่อมแซม ตู้จ่ายเชื้อเพลิง สถานีบริการ และอุปกรณ์ทุกประเภท โดยบริษัทถือหุ้นเป็นจำนวน 60,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 100 บาท หรือร้อยละ 60.00 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
  • ปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นในกลุ่มของครอบครัวรัชกิจประการ โดยการโอนหุ้นบางส่วนให้ บริษัท รัชกิจ โฮลดิ้ง จำกัด เข้าถือหุ้นแทน เพื่อรองรับการกำกับดูแลธุรกิจของครอบครัวในระยะยาว ซึ่งภายหลังจากการโอนหุ้น บริษัท รัชกิจ โอลดิ้ง จำกัด จะถือหุ้นร้อยละ 25.12 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด และ ผู้ถือหุ้นสูงสุดยังเป็นบุคคลเดิม ทั้งนี้การปรับโครงสร้างดังกล่าว ไม่ส่งผลกระทบต่อการกำหนดนโยบาย และอำนาจการบริหารจัดการบริษัท
  • บริษัทเป็ดตัวผลิตภัณฑ์ใหมี “น้ำมันเครื่อง PT Maxnitron” ที่มีคุณภาพสูง โดยใช้เทคโนโลยี Syn4Max ที่เพิ่มประสิทธิภาพน้ำมันพื้นฐานให้เทียบเท่ากับน้ำมันสังเคราะห์ ทำให้เครื่องยนต์สะอาด และสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยวางจำหน่ายที่สถานีบริการน้ำมันพีทีทุกสาขา
  • บริษัทได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทให้บริษัท พีทีจีกรีน เอ็นเนอยีจำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เข้าร่วมทุนกับ บริษัท เอี่ยมบูรพา จำกัด เพื่อร่วมกันจัดตั้ง บริษัท อินโนเทค กรีน เอ็นเนอยี จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล น้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพจากกากมันสำปะหลัง หรือแป้ง ตามแผนการขยายธุรกิจพลังงานทดแทนของบริษัท ทั้งนี้บริษัทย่อยถือหุ้นเป็นจำนวน 600,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 100 บาท หรือร้อยละ 60.00 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
  • ณ วันสิ้นปีบริษัทมีสถานีบริการน้ำมันทั้งหมด 1,407 แห่งทั่วประเทศ มีจำนวนสมาชิก Max Card เพิ่มมากขึ้น โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 ทั้งหมด 5.6 ล้านสมาชิก ตามเป้าหมายที่วางไว้
  • บริษัทได้รับรางวัล Best CEO Award และ Best Company Performance Award จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ปี 2558

  • บริษัทได้รับผลสำรวจจากการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนประจำปี 2558 จัดทำโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) โดยบริษัทได้คะแนนผลสำรวจการกำกับดูแลกิจการในระดับ "ดีมาก" และบริษัทได้รับการรับรองเข้าเป็นสมาชิกของแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต
  • ประกาศนียบัตรโครงการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต เพื่อรับรองถึงความร่วมมือในการต่อต้านการทุจริตอย่างเป็นรูปธรรมตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี จัดทำโดยรัฐบาลและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
  • บริษัทได้รับรางวัล บริษัทจดทะเบียนด้านนักลงทุนสัมพันธ์ดีเด่น ประจำปี 2015 (Investor Relations Awards 2015) ซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดระหว่าง 3,000 - 10,000 ล้านบาท
  • ชำระเงินลงทุนในกิจการร่วมค้า บริษัท ท่าฉาง (บางสะพาน) น้ำมันปาล์ม จำกัด (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท พีพีพี กรีน คอมเพล็กซ์ จำกัด ("PPP") จำนวน 348.80 ล้านบาท ตามเงื่อนไขสัญญาร่วมลงทุนในโครงการปาล์มน้ำมันครบวงจร (Palm Complex) ที่ลงนามในเดือนพฤศจิกายน 2557 และแก้ไขเพิ่มเติมในเดือนธันวาคม 2557
  • บริษัทและผู้ร่วมทุนในนาม บริษัท พีพีพี กรีน คอมเพล็กซ์ จำกัด ลงนามสัญญาซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อการผลิตสำหรับ โครงการปาล์มน้ำมันครบวงจร (Palm Complex)
  • บริษัทเริ่มให้บริการสถานีบริการ LPG เพื่อให้ผู้ใช้บริการ LPG ได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและบริการที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน
  • บริษัทย่อยจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อ จาก บริษัท พิเรนีส ออยล์ จำกัด ("PRN") เป็น บริษัท พีทีจี กรีน เอ็นเนอยี จำกัด ("PTGGE")
  • จัดตั้งบริษัทย่อย ชื่อ บริษัท พีทีจี โลจิสติกส์ จำกัด ("PTGLG") มีทุนจดทะเบียนและชำระแล้ว 1 ล้านบาท แบ่งเป็น 10,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบกิจการขนส่ง ขนถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และสินค้าทุกประเภท รวมถึงคนโดยสารทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ
  • บริษัทลงนามสัญญาซื้อ-ขายน้ำมันระยะยาว ระยะเวลา 7 ปี มูลค่ารวม 2.5 แสนล้านบาท กับบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558-2564 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและสร้างความมั่นคงในการจัดหาผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพโดยสอดคล้องกับแผนนโยบายการขยายสถานีบริการที่จะเพิ่มขึ้นต่อไปในอนาคต
  • บริษัทมีมติส่งเรื่องนำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญ ในการเข้าถือหุ้นอาม่า มารีน ในสัดส่วน 32.01% หลังผ่านมติคณะกรรมการบริษัท โดนบริษัท อาม่า มารีน ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางทะเลและทางบก ซึ่งบริษัทได้เล็งเห็นถึงประสิทธิภาพและโอกาสที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพในด้านโลจิสติกส์ให้กับบริษัทในอนาคต
  • บริษัทมีมติส่งเรื่องนำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญ ในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ ในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท เพื่อการดำเนินงานและการขยายธุรกิจของบริษัท และบริษัทย่อย
  • บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นของบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด ("FPT") ในสัดส่วน 9.55% ซึ่งประกอบธุรกิจขนส่งน้ำมันทางท่อ โดยบริษัทได้ตระหนักถึงศักยภาพในขนถ่ายน้ำมันที่รวดเร็วปลอดภัย และโอกาสที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการขนส่งน้ำมันให้กับบริษัทในอนาคต
  • บริษัทขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 222 แห่ง เป็นสถานีบริการน้ำมันแบบ COCO จำนวน 204 แห่ง และเป็นสถานีบริการน้ำมันแบบ DODO จำนวน 18 แห่ง ทำให้ ณ วันสิ้นปี บริษัทมีสถานีบริการน้ำมันทั้งหมด 1,150 แห่งทั่วประเทศ มีจำนวนสมาชิก Max Card เพิ่มมากขึ้น โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 ทั้งหมด 3.8 ล้านสมาชิก และขณะนี้มีสถานีบริการที่จำหน่ายแก๊สโซฮอล์ E20 ทั้งหมด 56 แห่ง

ปี 2557

  • บริษัทได้เข้าทำสัญญาร่วมลงทุนในกิจการผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นโครงการปาล์มน้ำมันครบวงจร (Palm Complex) ที่เริ่มตั้งแต่การปลูกปาล์มเพื่อนำผลผลิตมาใช้ในกระบวนการผลิต จนถึงการนำน้ำมันปาล์มมาผลิตเป็นไบโอดีเซล B100 และน้ำมันปาล์มบริโภค โดยมีผู้ร่วมทุนจำนวน 3 ราย ได้แก่
    1. บริษัทท่าฉาง (บางสะพาน) น้ำมันปาล์ม จำกัด
    2. บริษัทพีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน)
    3. บริษัทอาร์แอนด์ดี เกษตรพัฒนา จำกัด

    ทั้งนี้การดำเนินการก่อสร้างโครงการจะเริ่มประมาณไตรมาสแรกของปี 2558 โดยคาดว่า โรงสกัดน้ำมันปาล์มจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2559 และโครงการทั้งหมดจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2560

  • บริษัทขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 212 แห่ง เป็นสถานีบริการน้ำมันแบบ COCO จำนวน 192 แห่ง และเป็นสถานีบริการน้ำมันแบบ DODO จำนวน 20 แห่ง ทำให้ ณ วันสิ้นปีบริษัทมีสถานีบริการน้ำมันทั้งหมด 951 แห่งทั่วประเทศ ทั้งนี้ทางบริษัทได้เพิ่มการจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ E20 เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ใช้บริการ และขณะนี้มีสถานีบริการที่จำหน่ายแก๊สโซฮอล์ E20 ทั้งหมด 22 แห่ง
  • บริษัทได้ลงทุนและพัฒนาสถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่ รูปแบบทันสมัย พร้อมธุรกิจเสริมที่หลากหลายเพื่อให้บริการลูกค้าที่จุดพักรถเขาโพธิ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ จุดพักรถชัยนาทจังหวัดชัยนาท โดยคาดว่าส่วนธุรกิจเสริมจะสามารถเปิดให้บริการภายในไตรมาสสองปี 2558
  • บริษัทได้เปิดให้บริการคลังน้ำมันพิษณุโลกอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม เป็นคลังน้ำมันแห่งที่ 8 โดยตั้งอยู่ที่ตำบลบึงพระ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก มีขนาดปริมาณความจุน้ำมันทั้งสิ้น 7.69 ล้านลิตร ซึ่งปริมาณน้ำมันจะสำรองหมุนเวียนไว้เพื่อจำหน่ายให้กับสถานีบริการน้ำมันที่อยู่ในเครือข่ายบริเวณดังกล่าว 63 สถานี โดยมีปริมาณประมาณ 10 ล้านลิตรต่อเดือน ซึ่งสามารถรองรับการขยายตัวของการบริโภคน้ำมันครอบคลุมพื้นที่ให้บริการในเขตภาคเหนือ โดยมีจังหวัดที่รับน้ำมันจากคลังพิษณุโลกถึง 8 จังหวัด ดังจ่อไปนี้ เชียงราย, พะเยา, น่าน, ลำปาง, แพร่, อุตรดิตถ์, สุโขทัย และพิษณุโลก
  • บริษัทได้เปิดคลังน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 1 แห่งที่จังหวัดนครสวรรค์อย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน เป็นคลังน้ำมันแห่งที่ 9 โดยตั้งอยู่ที่ตำบลม่วงหัก อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ มีขนาดปริมาณบรรจุน้ำมันทั้งสิ้น 6.65 ล้านลิตร ซึ่งปริมาณน้ำมันจะสำรองหมุนเวียนไว้เพื่อจำหน่ายให้กับสถานีบริการน้ำมันที่อยู่ในเครือข่ายบริเวณดังกล่าว 44 สถานี ซึ่งสามารถรองรับการขยายตัวของการบริโภคน้ำมันครอบคลุมพื้นที่ให้บริการในเขตภาคเหนือ และภาคกลาง โดยมีจังหวัดที่รับน้ำมันจากคลังนครสวรรค์ถึง 6 จังหวัดดังต่อไปนี้ ชัยนาท, อุทัยธานี, นครสวรรค์, พิจิตร, กำแพงเพชร และตาก
  • บริษัทจัดทำนโยบายการต่อต้านการทุจริต (Anti-Corruption Policy) และประกาศใช้กับบุคลากร ประกอบด้วยคณะกรรมการบริษัท ผู้บริหาร และพนักงานทุกคน เพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส มีคุณธรรม รับผิดชอบต่อสังคม และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ตามหลักเกณฑ์การกำกับดูแลกิจการที่ดี
  • บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคลเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ รวมถึงการส่งเสริมความเชี่ยวชาญในงานและเพิ่มทักษะความรู้ต่างๆ เพื่อให้พนักงานเติบโตไปพร้อมองค์กร โดยบริษัทให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมแก่พนักงานทั้งฝ่ายปฏิบัติการและฝ่ายสนับสนุนหรือสำนักงานใหญ่ เพื่อเพิ่มศักยภาพของพนักงานทั้งความสามารถในด้านการทำงานและด้านสังคม โดยในปีนี้บริษัทมีพัฒนาการด้านการพัฒนาบุคลากร ดังนี้
    1. บริษัทได้จัดตั้งศูนย์การฝึกอบรมที่อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี สำหรับเป็นศูนย์กลางการฝึกอบรมผู้จัดการสถานีบริการน้ำมัน PT ที่บริษัทเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และเป็นผู้บริหารงานทั่วประเทศ (COCO) เพื่อความเป็นมาตรฐานเดียวกันของสถานีบริการ รวมถึงได้จัดตั้งศูนย์การฝึกอบรมพนักงานฝ่ายขนส่งหรือพนักงานขับรถบรรทุกน้ำมันของบริษัท ที่คลังน้ำมันหนองแค อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี โดยเน้นย้ำถึงความปลอดภัยในการปฏิบัติงานซึ่งบริษัทได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
    2. บริษัทได้จัดให้มีการสื่อสารทิศทางองค์กร จากผู้บริหารระดับสูงไปยังพนักงานทุกคนอย่างต่อเนื่อง ผ่านกิจกรรม "CEO Talk" ที่ได้จัดขึ้นทุกไตรมาส เพื่อให้พนักงานเข้าใจแนวทางและกลยุทธ์ของบริษัทไปในทิศทางเดียวกัน
    3. บริษัทได้นำกิจกรรมไคเซ็น (Kaizen) เข้ามาเป็นกิจกรรมพัฒนาระบบงานทั้งฝ่ายปฏิบัติการและฝ่ายสนับสนุน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น และเน้นย้ำค่านิยมขององค์กรด้านการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากพนักงาน เป็นการเปิดโอกาสและกระตุ้นให้พนักงานทุกระดับมีส่วนร่วมในการนำเสนอข้อคิดเห็นและการปรับปรุงการทำงานในแต่ละหน่วยงาน เพื่อให้การทำงานเป็นระบบแบบแผนมากขึ้น มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สามารถลดระยะเวลาในการทำงาน ส่งผลให้มีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีกว่า นำมาซึ่งการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน
  • บริษัทได้กำหนดนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาระบบสารสนเทศและโครงข่ายการสื่อสารของระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงการควบคุมคุณภาพแหล่งข้อมูล การสร้างระบบความปลอดภัยของการเข้าถึงข้อมูลสำคัญ จัดทำแผนรองรับกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน และบริษัทได้นำระบบ ERP มาใช้เพื่อสนับสนุนกระบวนการภายใน โดยรวมข้อมูลไว้ในฐานข้อมูลเดียวกัน เพื่อให้ง่ายแก่การเชื่อมโยงข้อมูล รวมถึงได้นำระบบบริหารงานซ่อมบำรุง มาใช้ในการจัดเก็บอุปกรณ์ การบริหารการแจ้งซ่อม และการเปลี่ยนอะไหล่ เพื่อจัดเก็บข้อมูลให้เป็นระบบ รวมถึงการเก็บประวัติการซ่อม ทั้งนี้ยังมีการเตรียมระบบพื้นฐาน และ server เพื่อการปรับปรุงระบบเครือข่ายให้มีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • บริษัทได้รับการรับรองระบบความปลอดภัยท่าเรือ The International Ship and Port Facility Security (ISPS) Code ตามประกาศกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชย์นาวี ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยของเรือ และท่าเรือระหว่างประเทศ ณ คลังน้ำมันแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อป้องกันภัยคุกคามด้านการก่อการร้ายหรือการกระทำอื่นใดอันก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยในการขนส่งทางน้ำ และเป็นการสร้างความมั่นใจในระบบความปลอดภัยที่บริษัทให้ความสำคัญ
  • บริษัทจัดทำระบบ CRM เพื่อทำการตลาดและส่งเสริมการขาย และรองรับสมาชิกบัตรสะสมแต้ม PT Max Card จากการเติมน้ำมันในสถานีบริการน้ำมัน PT ที่จะมีจำนวนสมาชิกเพิ่มมากขึ้นในอนาคต โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557 บริษัทมีจำนวนสมาชิก PT Max Card ทั้งหมด 2.4 ล้านสมาชิก โดยทางบริษัทได้นำข้อมูลจากระบบ CRM มาใช้วิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละราย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า การบันทึกการสะสมแต้ม และการแลกของรางวัล ปัจจุบันทุกการใช้จ่ายผ่านร้านกาแฟพันธุ์ไทย สามารถนำมาสะสมแต้มในบัตร พีที แมกซ์ ได้แล้ว
  • บริษัทเข้าร่วม "โครงการสถานีบริการน้ำมันเต็มลิตร" โดยได้รับมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากกรมการค้าภายใน ตาม พ.ร.บ.มาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. 2542 และมีเครื่องตวงมาตรฐาน ขนาด 5 ลิตร ที่ใช้ในการตรวจสอบไว้ประจำสถานีบริการแต่ละสาขา เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคที่ใช้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงจากสถานีบริการน้ำมัน PT ว่าได้ปริมาณน้ำมันที่ได้คุณภาพเต็มจำนวน ทั้งนี้ บริษัทยังมีหน่วยตรวจสอบน้ำมันเคลื่อนที่ (Mobile Lab) สำหรับสุ่มตรวจคุณภาพน้ำมันที่จำหน่ายอีกด้วย
  • บริษัทเล็งเห็นถึงความปลอดภัย และการควบคุมมาตรฐานการซ่อมบำรุงของสถานีบริการน้ำมันอย่างต่อเนื่อง โดยปกติจะมีการตรวจมาตรฐานการบำรุงรักษาเชิงป้องกันภายในเป็นประจำทุก 4 เดือน (Preventive Maintenance) นอกจากนี้ บริษัทได้มีการกำหนดมาตรฐานการให้บริการและมีการตรวจติดตามคุณภาพการให้บริการของสถานีบริการตามมาตรฐานที่กำหนดผ่าน Mystery Shopper เป็นประจำ ซึ่งเป็นเครื่องมือตรวจสอบที่ช่วยให้ทราบถึงมาตรฐานการบริการที่แท้จริง และวิธีการปรับปรุงเพื่อรักษาไว้ซึ่งคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการของสถานีบริการ ตามที่บริษัทได้ให้คำมั่นในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงได้พัฒนาระบบการจัดการบริหารพื้นที่ในสถานีบริการน้ำมัน เพื่อเพิ่มความโปร่งใสในการควบคุมร้านค้าย่อยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • บริษัทได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้สนับสนุนในโครงการมูลนิธิพระดาบสเป็นปีที่ 2 ซึ่งทางบริษัทเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาบุคคลากรของประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมอบโอกาสทางวิชาชีพแก่ศิษย์พระดาบส ทั้งในด้านเครื่องมือประกอบการเรียนการสอน และทุนการศึกษา ทั้งนี้ผู้ใช้บริการสถานีน้ำมัน PT ทั่วประเทศ ได้มีส่วนร่วมบริจาคในโครงการ "พีที เติมพลังสัมมาชีพ" ช่วงเดือนสิงหาคม ถึงกันยายน 2557 โดยสามารถรวบรวมยอดบริจาคจากการจำหน่ายน้ำมัน และการสมทบทุนเพิ่มเติม เป็นเงินทั้งหมด 15 ล้านบาท

ปี 2556

  • บริษัทได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในการเสนอขายหุ้นสามัญ เพิ่มทุน จำนวน 420 ล้านหุ้น ในราคา 3.90 บาท โดยเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท และบริษัทย่อยจำนวนไม่เกิน 33.40 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อประชาชนจำนวน 386.60 ล้านหุ้น (รวมทั้งส่วนที่เหลือจากการเสนอขายกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท และบริษัทย่อย) และได้เสนอขายหุ้นสามัญดังกล่าว ในวันที่ 17 และ 20-;22 พฤษภาคม 2556 ซึ่งทำให้บริษัทมีทุนชำระแล้วเพิ่มขึ้นจาก 1,250.00 ล้านบาทเป็น 1,670.00 ล้านบาท และในวันที่ 30 พฤษภาคม 2556 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยรับหุ้นสามัญของบริษัท เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน และทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นวันแรก
  • ลงทุนในคลังน้ำมันพิษณุโลก ถือว่าเป็นคลังน้ำมันแห่งที่ 8 ของบริษัท มีขนาดปริมาณความจุน้ำมันทั้งสิ้น 7.69 ล้านลิตร ซึ่งสามารถรองรับการขยายตัวของการบริโภคน้ำมันครอบคลุมพื้นที่ให้บริการในเขตภาคเหนือ โดยมีจังหวัดที่รับน้ำมันจากคลังพิษณุโลกถึง 8 จังหวัดดังต่อไปนี้ เชียงราย, พะเยา, น่าน, ลำปาง, แพร่, อุตรดิตถ์, สุโขทัย และพิษณุโลก

ปี 2555

  • บริษัทได้รับอนุมัติมาตรฐาน ISO 9001:2008 สำหรับกระบวนการรับ จัดเก็บ และจ่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิง (น้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล) ณ คลังน้ำมันแม่กลอง
  • PTC ลดทุนจดทะเบียนลงเหลือ 439.98 ล้านบาท โดยลดมูลค่าหุ้นที่ตราไว้จากเดิม 100.00 บาทต่อหุ้น เหลือ 73.33 บาทต่อหุ้น เพื่อล้างขาดทุนสะสมของ PTC
  • บริษัทจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทย่อยชื่อ บริษัท พิเรนีส ออยล์ จำกัด (“PRN”) ทุนจดทะเบียนเท่ากับ 1.00 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 10,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้เท่ากับ 100.00 บาทต่อหุ้น
  • บริษัทจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทย่อยชื่อ บริษัท พิเรนีส ออยล์ จำกัด (“PRN”) ทุนจดทะเบียนเท่ากับ 1.00 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 10,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้เท่ากับ 100.00 บาทต่อหุ้น
  • บริษัทมอบหมายให้คณะทำงานดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทย่อยชื่อ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด (“กาแฟพันธุ์ไทย”) ทุนจดทะเบียนเท่ากับ 5.00 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 50,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้เท่ากับ 100 บาทต่อหุ้น และบริษัทได้เข้าซื้อหุ้น จำนวน 49,997 หุ้น จากคณะทำงานที่ดำเนินการจัดตั้งกาแฟพันธุ์ไทย ในราคาหุ้นละ 100.00 บาท ซึ่งเท่ากับมูลค่าหุ้นสามัญที่ได้ชำระเพื่อจัดตั้งบริษัทที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติให้ดำเนินการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้จากเดิม 10.00 บาทต่อหุ้น เป็น 1.00 บาทต่อหุ้น ส่งผลให้จำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วเพิ่มขึ้นจาก 125.00 ล้านหุ้น เป็น 1,250 ล้านหุ้น และเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 420.00 ล้านบาท เพื่อเตรียมตัวเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โดยเสนอขายต่อประชาชน

ปี 2554

  • บริษัทจดทะเบียนจัดตั้งบรืษัทย่อยชื่อ บริษัท เอ็มไพร์ ออยส์ จำกัด ("EPO") ทุนจดทะเบียนเท่ากับ 1.00 ล้านบาท โดยเเบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 10,000 หุ้น มูลค่าตราไว้เท่ากับ 100.00 บาทต่อหุ้น
  • บริษัทจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทย่อยชื่อ บริษัท เอเวอร์เรสต์ ออยล์ จำกัด ("EVO") ทุนจดทะเบียนเท่ากับ 1.00 ล้านบาท โดยเเบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 10,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้เท่ากับ 100.00 บท ต่อหุ้น
  • บริษัทจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทย่อยชื่อ บริษัท เเอตลาส ออยส์ จำกัด ("ATL") ทุนจดทะเบียนเท่ากับ 1.00 ล้านบาท โดยเเบ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 10,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้เท่ากับ 100.00 บาท ต่อหุ้น
  • บริษัทจดทะเบียนจัดตั้งบรืษัทย่อยชื่อ บริษัท เเอนลีส ออยส์ จำกัด ("AND") ทุนจดทะเบียนเท่ากับ 1.00 ล้านบาท โดยเเบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 10,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้เท่ากับ 100.00 บาทต่อหุ้น
  • จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อบริษัทจากบริษัท ภาคใต้เชื้อเพลิง จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน)

ปี 2552

  • บริษัทมอบหมายให้คณะทำงานดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทย่อยชื่อ บริษัท พีระมิด ออยล์ จำกัด (“PMO”) ทุนจดทะเบียนเท่ากับ 1.00 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 10,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้เท่ากับ 100.00 บาทต่อหุ้น และบริษัทได้เข้าซื้อหุ้น จำนวน 9,997 หุ้น จากคณะทำงานที่ดำเนินการจัดตั้ง PMO ในราคาหุ้นละ 100.00 บาท ซึ่งเท่ากับมูลค่าหุ้นสามัญที่ได้ชำระเพื่อจัดตั้งบริษัท ต่อมาบริษัทได้ซื้อหุ้นเพิ่มขึ้นอีก 1 หุ้น จากคณะทำงาน ในราคาหุ้นละ 100.00 บาท ซึ่งเท่ากับมูลค่าหุ้นสามัญที่ได้ชำระเพื่อจัดตั้งบริษัท
  • บริษัทมอบหมายให้คณะทำงานดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทย่อยชื่อ บริษัท แอลไพน์ ออยล์ จำกัด (“APO”) ทุนจดทะเบียนเท่ากับ 1.00 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 10,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้เท่ากับ 100.00 บาทต่อหุ้น และบริษัทได้เข้าซื้อหุ้น จำนวน 9,997 หุ้น จากคณะทำงานที่ดำเนินการจัดตั้ง APO ในราคาหุ้นละ 100.00 บาท ซึ่งเท่ากับมูลค่าหุ้นสามัญที่ได้ชำระเพื่อจัดตั้งบริษัท

ปี 2549

  • บริษัทได้เจรจากับนางเลิศลักษณ์ ณัฏฐสมบูรณ์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท ภูบดินทร์ จำกัด (“ภูบดินทร์”) ให้เข้ามาลงทุนในบริษัท โดยนางเลิศลักษณ์ ณัฏฐสมบูรณ์ ให้เงินกู้ยืมกับบริษัทเพื่อชำระหนี้ (ทั้งภาระหนี้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ และภาระหนี้กับสถาบันการเงินเดิม) ตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ที่บริษัทได้ตกลงร่วมกับบริษัทบริหารสินทรัพย์และสถาบันการเงินดังกล่าว นอกจากนี้ นางเลิศลักษณ์ ณัฏฐสมบูรณ์ ยังได้เข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท (หุ้นเจ้าหนี้สถาบันการเงิน) จากสถาบันการเงินดังกล่าว ส่งผลให้นางเลิศลักษณ์ ณัฏฐสมบูรณ์ เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทรายหนึ่ง และภูบดินทร์มีฐานะเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงของบริษัท

ปี 2548

  • PTC เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 600.00 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 5.00 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ เท่ากับ 100.00 บาทต่อหุ้น โดยออกและเสนอขายทั้งจำนวนให้กับบริษัท

ปี 2547

  • บริษัทได้ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์แห่งหนึ่ง ซึ่งรับโอนหนี้บางส่วนมาจากสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง (“ภาระหนี้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์”) สำหรับหนี้ส่วนที่เหลือที่ยังไม่ได้โอนมายังบริษัทบริหารสินทรัพย์ (“ภาระหนี้กับสถาบันการเงินเดิม”) บริษัทได้เจรจาเพื่อหาแนวทางในการปรับโครงสร้างหนี้

ปี 2544

  • บริษัทลดทุนจดทะเบียนลงเหลือ 750.00 ล้านบาท โดยให้ลดทุนจดทะเบียนที่ยังไม่ได้ออกและเสนอขาย จำนวน 250.00 ล้านบาท หรือเท่ากับ 25.00 ล้านหุ้น
  • บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,250.00 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 50.00 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 10.00 บาทต่อหุ้น โดยเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 12.45 ล้านหุ้น และเสนอขายให้กับสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง จำนวน 37.55 ล้านหุ้น ซึ่งเป็นไปตามสัญญาประนอมหนี้ที่บริษัทตกลงไว้กับสถาบันการเงินดังกล่าว (“หุ้นเจ้าหนี้สถาบันการเงิน”)

ปี 2538

  • บริษัทจดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด
  • บริษัทเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้จากเดิม 100.00 บาทต่อหุ้น เป็น 10.00 บาทต่อหุ้น ส่งผลให้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 5.00 ล้านหุ้น เป็น 50.00 ล้านหุ้น
  • บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,000.00 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 50.00 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 10.00 บาทต่อหุ้น โดยเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม เป็นจำนวน 5.00 ล้านหุ้น และผู้ลงทุนเฉพาะเจาะจง จำนวน 7 ราย เป็นจำนวน 20.00 ล้านหุ้น และส่วนที่เหลืออีก 25.00 ล้านหุ้นยังไม่ได้จำหน่าย

ปี 2537

  • บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 500.00 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 1.00 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 100.00 บาทต่อหุ้น โดยเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม
  • PTC ปรับโครงสร้างการถือหุ้น โดยบริษัทเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน PTC โดยถือหุ้นร้อยละ 99.99

ปี 2536

  • บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 400.00 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 1.36 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 100.00 บาทต่อหุ้น โดยเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม

ปี 2535

  • บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 264.00 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 2.63 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้เท่ากับ 100.00 บาทต่อหุ้น โดยเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม
  • บริษัท ปิโตรเลียมไทยคอร์ปอเรชั่น จำกัด (“PTC”) จดทะเบียนจัดตั้ง เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2535 โดยมีทุนจดทะเบียนเท่ากับ 100.00 ล้านบาท และแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1.00 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้เท่ากับ 100.00 บาทต่อหุ้น

ปี 2531

  • บริษัทจดทะเบียนก่อตั้งในนาม บริษัท ภาคใต้เชื้อเพลิง จำกัด เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2531 โดยมีทุนจดทะเบียนเริ่มต้นเท่ากับ 1.00 ล้านบาท และแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 0.01 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 100.00 บาทต่อหุ้น